เวลาทำประกันรถยนต์ แล้วเจอเอกสารที่มีแต่คำศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นอะไรที่ปวดหัวมากๆ แค่แปลคำศัพท์ธรรมดาก็ยากแล้ว ยิ่งเป็นคำศัพท์เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์อีก ยิ่งยากไปกันใหญ่ บางทีกรอกผิดกรอกถูก ต้องมาเสียเวลานั่งกรอกข้อมูลใหม่ วันนี้เราจึงได้รวบรวมความหมายของ คำศัพท์ประกันภัยรถยนต์ ภาษาอังกฤษ ที่เจอบ่อยๆ มาฝาก มาดูกันว่าแต่ละคำมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง?
- Auto insurance/Car insurance – ประกันภัยรถยนต์
หมายถึง การประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจัดเป็นการประกันวินาศภัยประเภทหนึ่ง เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันเมื่อเกิดความเสียหายจากการใช้รถยนต์
- Compulsory motor insurance – การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ
หมายถึง การประกันภัยที่กำหนดให้ผู้ครอบครองรถทุกคันที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก มีหน้าที่ต้องจัดทำ ตามความคุ้มครองที่พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 กำหนดไว้
- Car insurance premium – เบี้ยประกันรถยนต์
หมายถึง จำนวนเงินที่ผู้ทำประกันต้องจ่ายให้กับบริษัทประกัน เพื่อรักษากรมธรรม์ประกันรถยนต์เอาไว้ โดยส่วนใหญ่จะสามารถจ่ายได้ทั้งเงินสดและการผ่อนจ่ายรายเดือน เงื่อนไขขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน
- Sum Insured – ทุนประกัน
หมายถึง จำนวนเงินที่ถูกระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่บริษัทประกันจะต้องรับผิดชอบ จ่ายให้กับผู้เอาประกันเมื่อเกิดเหตุ
- Policy period – ระยะเวลากรมธรรม์
หมายถึง ระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่วันที่มีผลบังคับใช้กรมธรรม์ประกันรถยนต์ ไปจนถึงวันหมดอายุ
- Premium written – เบี้ยประกันภัยรับ
หมายถึง จำนวนเบี้ยประกันภัยทุกประเภท ที่บริษัทประกันได้รับ
- Premium rate – อัตราเบี้ยประกัน
หมายถึง เบี้ยประกันภัยที่คิดเป็นจำนวนเงินต่อหน่วยของการประกันภัย
- Loss ratio– อัตราส่วนความเสียหาย
หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว กับเบี้ยประกันภัยที่เป็นรายได้
- Claim – การเคลมประกัน
หมายถึง การเรียกร้องของผู้เอาประกันภัยต่อบริษัทประกันเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญาที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
- Claim Amount– ค่าสินไหมทดแทน
หมายถึง ค่าความเสียหายที่ผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้บริษัทประกันชดใช้ โดยความเสียหายดังกล่าว เป็นผลมาจากภัยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- Coverage – ความคุ้มครอง
หมายถึง ความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย
- Cover Note – หนังสือคุ้มครองชั่วคราว
หมายถึง เอกสารที่บริษัทประกันออกให้แก่ผู้เอาประกันเพื่อให้การคุ้มครองชั่วคราว ระหว่างที่บริษัทรอข้อมูลบางอย่างจากผู้ขอเอาประกันภัย หรืออยู่ในระหว่างดำเนินการออกกรมธรรม์
- Deductible – ค่าเสียหายส่วนแรก
หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ผู้เอาประกันต้องเสียเมื่อทำการเคลม ยิ่งผู้เอาประกันจ่ายค่าความเสียหายส่วนแรกสูง เบี้ยประกันก็จะยิ่งถูกลง
- First class insurance – ประกันรถยนต์ชั้น 1
หมายถึง ประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด
- Second class insurance – ประกันรถยนต์ชั้น 2
หมายถึง ประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าประกันรถยนต์ชั้น 1
- Third class insurance – ประกันรถยนต์ชั้น 3
หมายถึง ประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 และประกันรถยนต์ชั้น 2
- The Insured – ผู้เอาประกันภัย
หมายถึง คู่สัญญาที่ตกลงทำสัญญาประกันภัยกับบริษัท มีหน้าที่ชำระเบี้ยประกันภัย และเมื่อเกิดความเสียหายในส่วนที่เอาประกันภัยไว้ ผู้เอาประกันภัยมีสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายจริง
- The Insurer – ผู้รับประกันภัย
หมายถึง คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง โดยทั่วไปคือบริษัทประกันภัย ที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายจากกรมการประกันภัย เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในการรับเบี้ยประกัน และมีหน้าที่พิจารณารับประกันภัย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เมื่อเกิดวินาศภัยขึ้นตามที่ระบุไวัในกรมธรรม์
- The Beneficiary – ผู้รับประโยชน์
หมายถึง บุคคลภายนอกสัญญาที่มีสิทธิเข้ารับประโยชน์ในค่าสินไหมทดแทนตามกรรมธรรม์ที่ได้ทำไว้
- Renewal – การต่ออายุ
หมายถึง ข้อตกลงระหว่างผู้เอาประกันภัยและบริษัทประกันเกี่ยวกับการต่ออายุกรมธรรม์
หลายคนอาจจะมองว่าคำศัพท์พวกนี้เป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้วใกล้ตัวมากๆ ควรเรียนรู้เอาไว้เพราะเป็นคำศัพท์ที่ต้องเจอบ่อยๆ เมื่อต้องทำประกันภัยรถยนต์ หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม แนะนำให้เลือกทำเป็น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ทั้งครอบคลุม คุ้มค่า ตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี แต่จะคุ้มยิ่งกว่าหากเลือกทำประกันรถยนต์กับ Rabbit Care เพราะเราเป็นตัวกลางที่จะช่วยให้คุณจ่ายเบี้ยประกันในราคาถูกที่สุด เสริมทัพด้วยสิทธิประโยชน์ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ สนใจทำประกันรถยนต์ชั้น 1 สามารถเข้าไปได้ที่ www.rabbitcare.co